วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Splunk คืออะไร?

Splunk คืออะไร?

Splunk คือ ซอฟท์แวร์ ที่ช่วยให้คุณสามารถ ค้นหา แสดงรายงาน ตรวจสอบ และ วิเคราะห์ ข้อมูล ไอที ของคุณ ได้สะดวก รวดเร็ว คุณสามารถ ดูข้อมูลแบบ Live Streaming หรือ ดูข้อมูลเก่าในลักษณะข้อมูลทางสถิติได้ ยิ่งไปกว่านั้น  Splunk รองรับการทำงานแบบ  Real Time ซึ่งจะช่วยให้งานของคุณที่มีความต้องการคำตอบแบบทันที สามารถเป็นไปได้ด้วย Splunk
ลํักษณะเด่น ของซอฟท์แวร์ Splunk คือ สามารถช่วยให้คุณสามารถเห็นข้อมูลไอที จากทุกๆส่วน ในระดับ Services ได้ ซึ่ง Service นั้นๆ เกิดจากทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เน็ตเวอร์ค และ แอพพลิเคชั่นต่างๆ  ด้วยความสามารถดังกล่าวของ Splunk จะช่่วยให้คุณสามารถลดเวลาในการค้นหาต้นตอของปัญหา ( Root Cause ) ได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว  ผลลัพธ์ที่ได้คือทำให้ ระบบกลับมาทำงานเป็นปกติได้เร็วขึ้นเป็นเท่าๆตัว เช่นกัน

Splunk Enterprise เป็นผลิตภัณฑ์ผู้นำวงการการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล Machine Data ด้วยการนำแนวคิดของ Big Data Analytics มาพัฒนาเป็นระบบสำเร็จรูป เพื่อให้ทุกๆ องค์กรสามารถสร้างระบบ Big Data สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจหรือระบบ IT และนำไปวิเคราะห์เพื่อประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งการนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วในองค์กรมาวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อสร้างประโยชน์หรือมูลค่าทางธุรกิจนี้เรียกกันว่า Operation Intelligence นั่นเอง
  
ความสามารถของ Splunk Enterprise
 ความสามารถหลักๆ ของ Splunk Enterprise จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประการ ดังนี้

1. Collect and Index Data
Splunk สามารถรวบรวมข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจาก Network, Website และ Applications ภายในองค์กรได้ทุกรูปแบบ รวมถึงข้อมูลจาก Social Media และ Cloud ด้วย ทำให้คุณมีข้อมูลอย่างครบถ้วน พร้อมสำหรับการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

2. Search and Investigate
หลังจากที่ Splunk ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาแล้ว Splunk จะทำการ Normalize ข้อมูลเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ และด้วย Splunk Search Processing Language (SPL) ก็จะทำให้การค้นหาข้อมูล, การค้นหาค่าสถิติ และการคำนวนประมวลผลสามารถทำได้อย่างอิสระได้กว่า 140 รูปแบบ รวมถึงยังสามารถเลือกช่วงเวลาของข้อมูลที่ต้องทำการวิเคราะห์ได้อีกด้วย

3. Correlate and Analyze
Splunk Enterprise นี้มาพร้อมกับความสามารถในการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล โดยสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ได้จากเวลา, สถานที่ และค่าอื่นๆ ได้ตามที่กำหนด รวมถึงสามารถตรวจจับกลุ่มของเหตุการณ์ได้ในลักษณะของ Transaction และ Session เพื่อหาสาเหตุที่ Transaction ใดๆ ล้มเหลวได้ รวมถึง Splunk ยังมี Event Pattern Detection เพื่อตรวจหา Pattern ของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น สำหรับใช้ในการทำนายหรือทำความเข้าใจต่อพฤติกรรมต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน

4. Visualize and Report
เพื่อให้การ Monitor เหตุการณ์ต่างๆ เป็นไปได้ในแบบ Real-time และสามารถใช้ตัดสินใจได้อย่างครบถ้วน Splunk สามารถช่วยคุณสร้าง Dashboard ซึ่งประกอบไปด้วยกราฟและข้อมูลต่างๆ สำหรับใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจและ IT ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงยังสามารถทำการปรับแต่งช่วงของข้อมูลที่จะนำมาแสดง และช่วยทำนายเหตุการณ์ในอนาคตจากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาได้อย่างแม่นยำ

5. Monitor and Alert
Splunk ยังมีความสามารถในการแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ตรงตามเงื่อนไขได้ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากๆ และแจ้งเตือนผู้ใช้งานเฉพาะเท่าที่จำเป็นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาในการทำงาน และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานได้เป็นอย่างดี

6. Access from Anywhere
การเข้าถึงข้อมูลและระบบต่างๆ ใน Splunk สามารถทำได้ผ่านทั้ง Web Browser ตามปกติ และผ่าน Splunk Mobile App (https://itunes.apple.com/us/app/splunk-mobile-app/id848652190?ls=1&mt=8) ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงการติดตามการทำงานของระบบงานต่างๆ ก็สามารถทำได้ผ่านทุกอุปกรณ์อย่างสะดวกเช่นกัน

ด้วยความสามารถ 6 ประการนี้ Splunk Enterprise ก็พร้อมที่จะนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล Log สำหรับระบบ IT Security, การวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบน Website เพื่อค้นหา Trend ในการขายสินค้า, การวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน, การติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน ISP, การรวบรวมข้อมูลจาก Sensors จำนวนมากมาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ตามแนวคิด Internet of Things และอื่นๆ อีกมากมาย

การติดตั้ง
การติดตั้งสามารถลงได้ทุกระบบปฏิบัติการตั้งแต่ Windows , Linux , MacOS ,Solaris และอื่นๆ

ทำความรู้จักกับ Big Data
Big data คือ ข้อมูลที่มีลักษณะสำคัญ 3 ข้อคือ
1. Volume : ข้อมูลมีปริมาณมาก อยู่ในระดับ Terabytes ขึ้นไป จนทำให้การจัดเก็บในรูปแบบฐานข้อมูลเดิมๆ ทำได้ยากอีกทั้งยังไม่สามารถจัดเก็บได้หมด

2. Variety : ข้อมูลจะมีหลากหลายรูปแบบทั้ง Structure และ Unstructure ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปทั้ง RDBMS, text, XML, JSON หรือ Image

3. Velocity : ข้อมูลจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและรวดเร็ว ซึ่งมักจะเป็นข้อมูลประเภท “Real-Time” เช่นข้อมูลจาก Social Media ข้อมูล Transaction ทางการเงิน ต่างๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น